ห้ามพลาด! แนะนำรถ Tesla รุ่นไหนดี? (ทั้ง 4 รุ่น)

tesla รุ่นไหนดี

เชื่อว่า ยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จักรถยนต์แบรนด์ดัง Tesla และคนไทยหลายคนต่างรอคอยให้เข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการมานาน ถึงขั้นทำให้คนที่ใช้รถยนต์พลังงานน้ำมันมาทั้งชีวิตกล้าจะเปลี่ยนโดดมาหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า กลายเป็นว่า รถ Tesla สามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัทรถที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกเลยทีเดียว

บทความนี้เลยขอมาบอกเหตุผลทำไมรถคนถึงเลือกใช้รถ Tesla พร้อมแนะนำ Tesla รุ่นไหนดี

เทสล่าดีไหม

เหตุผลที่คนเลือกใช้รถ Tesla จนขึ้นเป็นบริษัทรถที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

หากคุณพึ่งรู้จักรถ Tesla หรือว่า ยังไม่มีรถแบรนด์นี้อยู่ในใจ ก่อนที่จะพาไปแนะนำรถ Tesla รุ่นไหนดีจะขอพามาดูเหตุผลที่คนเลือกใช้รถ Tesla จนขึ้นเป็นบริษัทรถที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกกัน

1. รถ EV มีประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

Tesla ได้แสดงให้เห็นว่า EV มีทั้งทรงพลังและใช้งานได้จริง บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำให้รถยนต์ของตนดูน่าดึงดูดผ่านขีดความสามารถด้านสมรรถนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Model S ได้สร้างหัวข้อข่าวเกี่ยวกับพลังและความเร็วที่น่าประทับใจ

2. ระยะทางในการขับขี่ที่มากกว่ารถ EV ทั่วไป

Tesla เป็นผู้บุกเบิกในการเพิ่มระยะทางของรถยนต์ และนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นมาโดยตลอด ในอดีต อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งในการเข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้าคือระยะทางที่จำกัด ประกอบกับเวลาในการชาร์จที่ยาวนาน อย่างไรก็ตาม Tesla สามารถเพิ่มช่วงของรถยนต์ให้อยู่ในจุดที่สะดวกมาก เช่น รุ่นพื้นฐานของModel S ให้ระยะการเดินทางสูงสุด 405 ไมล์ เป็นต้น

3. เทคโนโลยีชาญฉลาด

รถ Tesla ได้พัฒนาหนึ่งในระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยที่สุดสำหรับการขับขี่ แม้ว่า Autopilot ของ Tesla อาจไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็นับว่า เป็นระบบที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกและเป็นมาตรฐานในรถยนต์ Tesla ทุกคัน ระบบนี้ขับเคลื่อนด้วยกล้องแปดตัวและการประมวลผลภาพอันทรงพลังที่ให้มุมมอง 360 องศาที่ระยะสูงสุด 250 เมตร พร้อมทำงานโดยคอมพิวเตอร์ออนบอร์ด Hardware 3 ของ Tesla ซึ่งประมวลผลข้อมูลมากกว่า 40 เท่าเมื่อเทียบกับระบบรุ่นก่อนหน้า ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายขั้นสุด

4. ขายต่อในราคาดีได้

ปกติรถยนต์เมื่อขายต่อแบบมือสองก็มักจะมีปัญหาเรื่องค่าเสื่อมสภาพหลายบาททำให้ราคาตกจากตอนซื้อไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่รถ Tesla ไม่เป็นแบบนั้น เพราะซื้อมาเท่าไหร่ เมื่อขายต่อก็มีโอกาสน้อยมากที่จะราคาตก หากเจ้าของดูแลรักษารถ Tesla ให้คงสภาพดีใช้งานได้ปกติส่วนใหญ่ราคาแทบจะไม่ต่างจากตอนซื้อซักเท่าไหร่เลยล่ะ 

5. สถานีชาร์จครอบคลุม

เลือกลงทุนกับรถ Tesla ไม่มีคำว่า ลำบาก เพราะไม่ใช่แค่ลงทุนในเรื่องของรถยนต์ แต่ยังได้ลงทุนกับความสะดวกสบายในการชาร์จ เพราะสถานีชาร์จไฟค่อนข้างครอบคลุมพื้นที่ เจอง่าย ไม่ต้องเดินทางไกลกว่าจะเจอสถานีซักแห่ง  

6. ลงทุนหนัก แต่ประหยัดระยะยาว

แม้ว่า รถ Tesla จะแพงกว่ารถอื่นอีกหลายแบรนด์ แต่ว่าเมื่อได้ลงทุนจ่ายค่ารถ Tesla หลักล้านทั้งที สามารถประหยัดได้ระยะยาว เช่น ประหยัดพลังงานมากกว่ารถไฟฟ้าแบรนด์อื่นกว่าหลักร้อยเหรียญต่อปี เป็นต้น

7. แทบไม่ต้องเปลืองแรง เงิน และเวลามาบำรุงรักษา

ปกติตามหลักแล้วรถ EV ส่วนใหญ่จะเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรือเสียเงินไปกับการดูแลรักษารถยนต์มาก และแน่นอนว่า รถ Tesla ที่เหนือกว่ารถ EV ทั่วไปอยู่หลายระดับ เรื่องของวัสดุและโครงสร้างไม่เป็นรองใคร แทบไม่ต้องกังวลเรื่องต้องมาเปลืองแรง เงิน และเวลาในการบำรุงรักษา เพียงดูแลตามตารางที่ Tesla แนะนำก็เพียงพอ

8. เทคโนโลยีก้าวล้ำกว่าแบรนด์อื่นเสมอ

ด้วยความที่รถยนต์ในตลาดต้องมีการแข่งขันพัฒนากันอยู่เสมอ แต่จะมีอยู่แบรนด์หนึ่งที่เป็นผู้นำเทรนด์เทคโนโลยีอยู่ตลอด นั่นก็คือ รถ Tesla เพราะงั้นคุณไม่ต้องกลัวเลยว่า หากลงทุนตอนนี้เรื่องของการใช้งานจะไม่เทียบเท่ารถรุ่นใหม่ในท้องตลอด เพราะรถ Tesla จะก้าวนำแบรนด์อื่นหลายก้าวตลอดจนแบรนด์อื่นแทบตามไม่ทันเลยล่ะ

รถ Tesla Model รุ่นไหนดี

แนะนำ Tesla รุ่นไหนดี? ที่ควรค่าแก่การลงทุน

ส่วนใครที่อยากเริ่มลงทุนกับรถ Tesla แต่ว่า ยังไม่มั่นใจควรเริ่มลงทุนจากรุ่นไหนดี บทความนี้เราก็เก็บข้อมูลแนะนำว่า ควรเลือกรถ Tesla รุ่นไหน? เพื่อให้คุ้มค่าแก่การลงทุนมากกว่ากัน จะได้ตัดสินใจกันง่ายขึ้น!

มาดูกันเลยครับ

รถ Tesla Model s

1. รถ Tesla Model S

หากจะถามถึงรถยนต์รุ่นแรกของ Tesla ที่มีการจำหน่ายในวงกว้างให้สาธารณะได้รู้จักและปรับมุมมองจากรถยนต์พลังงานน้ำมันมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากลายเป็นภาพจำไปตลอดกาลก็คงต้องยกให้รถ Tesla Model S ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบซีดานซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5 ประตู (เรียกว่า liftback) เปิดตัวในครั้งแรกเมื่อปี 2012

แต่น่าเสียดายด้วยความที่เป็นรถรุ่นแรกๆ เลยยังไม่สามารถเดินทางได้ไกลเท่าไหร่ สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด Tesla Model S 2021 ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา โดยสำหรับในรุ่นท็อป Plaid และ Plaid+ ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,020 แรงม้า และ Tesla ระบุว่า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาต่ำกว่า 2 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงเดินทางได้เกิน 800 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ ถือว่า แรงใช้ได้เลยทีเดียว

ราคา Tesla Model S ประมาณ  4,900,000 บาท

รถ Tesla Model X

2. Tesla Model X

สำหรับรถ Tesla Model X เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบครอสโอเวอร์ขนาดกลาง (mid-size) ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถ SUV ที่เร็วที่สุดในโลก จากสมรรถนะที่เหนือชั้นและทรงที่ปรับโฉมใหม่ โดยมีการเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2015 โดยมีประตูทรงลักษณะของปีกนก (falcon-wing doors) เป็นหนึ่งในความโดดเด่น ของ Tesla Model X เวอร์ชั่นปัจจุบันปี 2021 ปรับโฉมดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน โดยในรุ่นท็อป Plaid ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ส่งกำลังสูงสุด 1,020 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 2.5 วินาที และเดินทางได้มากกว่า 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ

ราคา Tesla Model X ประมาณ 3,900,000 บาท

รถ Tesla Model 3

3. รถ Tesla Model 3

รถ Tesla Model 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบซีดาน 4 ประตูที่มีการจำหน่ายเป็นครั้งแรกในช่วงกลางปี 2017 ในสไตล์แบบ fastback  ก่อนจะขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกด้วยสถิติ 800,000 คัน

จนถึงปี 2020 สำหรับเวอร์ชั่นปัจจุบันนี้ Tesla Model 3 2023 มีสมรรถนะขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ทำงานแบบอิสระ รุ่นสแตนดาร์ดสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 3.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้สูงสุด 629 กิโลเมตร (มาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า WLTP) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (และชาร์จแค่ 15 นาทีก็เพิ่มระยะการวิ่งได้สูงสุด 282 กม.) ส่วนแบตเตอร์รี่ รุ่น Standard Range จะได้ 513 กิโลเมตร และยังมาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับระบบช่วยขับอัตโนมัติที่จะมีการอัปเกรดได้ในอนาคตด้วย เช่น โหมดการใช้งานพิเศษ 3 โหมด คือ โหมดสัตว์เลี้ยง, โหมดแคมป์ และโหมดเซ็นทรี่ เป็นต้น

ราคา Tesla Model 3 เริ่มต้นประมาณ 1,590,000 บาท

รถ Tesla Model Y

4. รถ Tesla Model Y

รถ Tesla Model Y รถยนต์ไฟฟ้า compact crossover SUV เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 2020 ด้วยการพัฒนาต่อยอดจากแพลตฟอร์ม Tesla Model 3 รวมถึงใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นแบบเดียวกันถึง 75% ได้รับการออกแบบให้เป็นรถที่ปลอดภัยที่สุดในรถระดับเดียวกัน เช่นเดียวกับ Tesla ทุกรุ่น ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ โครงสร้างตัวรถที่แข็งแรง

รถ Tesla Model Y มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.4 วินาที เดินทางได้ไกลกว่า 520 กิโลเมตร ในการชาร์จแบตเตอรี่ 1 รอบ มีมอเตอร์ไฟฟ้าอิสระที่มีการตอบสนองขั้นสูงสองตัว ซูเปอร์ชาร์จสูงสุด 250 กิโลวัตต์เลยทีเดียว

ราคา Tesla Model Y เริ่มต้นประมาณ 2,000,000 บาท

 

ตลอดระยะเวลากว่าหลายปีทั้งผลงานและยอดขายที่ผ่านมาคงพอจะการันตีได้ว่า รถ Tesla มีประสิทธิภาพจนผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับมากขนาดไหน เพราะงั้นหากคุณกำลังเล็งรถ Tesla เพื่อลงทุนใช้งานในระยะยาวและตอบโจทย์ความต้องการได้ครอบคลุมมากกว่ารถ EV แบรนด์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

ฟิล์มรถยนต์ไฟฟ้า

รถ Tesla ติดฟิล์มรถยนต์รุ่นไหนดี?

เนื่องจากรถ Tesla มี panoramic sunroof ที่ค่อนข้างร้อนมากๆสำหรับเมืองไทย หากคุณสนใจติดฟิล์มกรองแสงรถ Tesla คุณควรจะเลือกฟิล์มที่คุณภาพสูง อย่างน้อยควรจะป้องกันรังสีอินฟราเรดได้มากกว่า 90 % ไม่เช่นนั้นรถคุณจะร้อนมากๆครับ อาจจะต้องติดม่านข้างบนเพิ่ม ส่วนฟิล์มกรองแสงส่อนอื่นๆแนะนำเป็นติดฟิล์มที่สัญญาณดิจิตอลผ่าน หรือว่าฟิล์มเซรามิค จะไม่ส่งผลต่อระบบไฟฟ้าในรถมากครับ

ถ้าหากคุณต้องการหาร้านติดฟิล์มรถ Tesla ราคาถูก อย่าลืมปรึกษา Topfilm Thailand สิครับ เรามีบริการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ฟิล์มเซรามิคคุณภาพสูงหลากหลายยี่ห้อ ที่สำคัญ มีราคาพิเศษให้สำหรับรถ Tesla ด้วย มีทั้งฟิล์ม 3M SolarGard Hi-kool Lamina และอีกหลากหลายรุ่นที่แนะนำ

ติดฟิล์มรถ tesla

ติดฟิล์ม tesla

สนใจติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ Tesla ติดต่อ Topfilm Thailand สิครับ

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai

หลายคนยังสนใจ บทความน่ารู้เพิ่มเติม