Checklist 8 เรื่องน่ารู้ก่อน ติดฟิล์มกระจกบ้าน ติดยังไงให้คุ้มค่าที่สุด?

ติดฟิล์มกระจกบ้าน

คู่มือฉบับสมบูรณ์ Checklist 8 เรื่องน่ารู้ก่อน ติดฟิล์มบ้าน ต้องรู้อะไรบ้าง?

ติดฟิล์มกระจกบ้าน

หลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับคำว่า “ฟิล์มกรองแสง” มาก็ไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ เพราะทุกท่านน่าจะเคยติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์มาบ้างแล้ว แต่สำหรับการเลือกฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้านหรือการเลือกฟิล์มติดออฟฟิศนั้น มีเรื่องจะต้องรู้มากกว่าการติดฟิล์มรถยนต์หลายอย่าง ถึงแม้ประเภทของฟิล์มอาคารจะเป็นฟิล์มกรองแสงที่ผลิตด้วยโพลิเอสเตอร์เหมือนกัน แต่คุณสมบัติก็อาจจะไม่เหมือนกันเสมอไป 

ใครที่สนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ: ฟิล์มบ้าน กับ ฟิล์มรถยนต์ ต่างกันอย่างไร?

ปรึกษาเรื่องฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้านแบบไหนดี พร้อมส่วนลดพิเศษ

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai

ใครที่กำลังมองหาฟิล์มติดกระจกบ้าน หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกฟิล์มติดออฟฟิศ วันนี้ทีมงาน Topfilm Thailand จะมาแนะนำ “8 เรื่องน่ารู้ก่อนเลือกฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้าน” ที่จะเป็น “คู่มือฉบับสมบูรณ์” ซึ่งเราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประเภทของฟิล์มอาคาร รวมถึงการเลือกฟิล์มติดออฟฟิศและบ้าน พร้อมกับจะมาตอบทุกข้อสงสัยให้ทุกท่านจากประสบการณ์ที่ทำงานในวงการณ์ฟิล์มกรองแสงมากว่า 10ปี

ก่อนที่ทุกท่านจะเลือกฟิล์มกรองแสงบ้าน อาคาร ฟิล์มติดกระจกคอนโด อยากให้เข้ามาอ่านตรงจุดนี้ก่อน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์มากที่สุดครับ

เมื่อเราติดฟิล์มบ้านในแต่ละครั้ง ฟิล์มกรองแสงก็จะอยู่กับเราไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี Topfilm Thailand จึงไม่อยากให้คุณลูกค้าต้องเสียใจบ่อย ๆ กับการเลือกใช้ฟิล์มติดกระจกบ้านที่ไม่ตอบโจทย์ มาดูกันเลยครับว่า เราต้องรู้อะไรบ้าง

1. รู้จักประเภทของฟิล์มอาคารและบ้าน

ประเภทฟิล์มติดกระจกบ้าน

รู้ประเภทของฟิล์มอาคาร : คุณลูกค้าต้องรู้ถึงความแตกต่างของฟิล์มกรองแสงติดอาคารในแต่ละประเภทก่อน ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มปรอท ฟิล์มดำ ฟิล์มใส ฟิล์มเซรามิก ต้องรู้คุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสียให้ชัดเจน ที่สำคัญต้องอ่าน คุณสมบัติของฟิล์มกรองแสง เช่น ค่าลดความร้อนรวม (TSER) ค่าการป้องกันรังสียูวี (UVR) ค่าการป้องกันรังอินฟราเรด (IRR) เป็นต้น เพื่อจะได้เลือกใช้งานประเภทของฟิล์มอาคารได้อย่างเหมาะสม

ประเภทของฟิล์มอาคาร แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

  1. ฟิล์มปรอท คือ ฟิล์มกรองแสงที่เคลือบด้วยสารกันความร้อนประเภทโลหะ ทำให้เนื้อฟิล์มมีความมันวาว คล้ายกับกระจก เหมาะสำหรับบ้านชั้น 1 ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มีข้อดี คือ กันความร้อนได้ดีมาก ราคาถูก สะท้อนแสงได้ดี ให้ความเป็นส่วนตัว แต่มีข้อเสีย คือ จะมีการสะท้อนแสงทำให้อาจจะรบกวนบ้านฝั่งตรงข้ามได้ และทัศนวิสัยเมื่อมองจากภายในไม่ชัดเจน เหมาะกับบ้านที่ต้องการฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้านราคาถูก แต่กันร้อนได้ดี
  2. ฟิล์มดำ คือฟิล์มกรองแสงที่เคลือบด้วยสารต่าง ๆ ทำให้มีสีดำเข้ม สามารถป้องกันแสงสว่างได้ดี ลดรังสี UV และอาการแสบตา ถ้าจะติดฟิล์มดำ ต้องมั่นใจว่าติดฟิล์มดำที่ความเข้มที่เหมาะสม (40/60/80) ไม่เช่นนั้น ห้องก็จะมืดเกินไปได้ ซึ่งจะอธิบายอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป
  3. ฟิล์มใส เป็นฟิล์มที่ใส แต่เน้นการป้องกันรังสีความร้อนโดยเฉพาะ ไม่บดบังทัศนวิสัย กันรังสีความร้อน รังสีUV ได้ดี เหมาะสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร โชว์รูม ที่ต้องการโชว์ของหน้าร้าน แต่ถ้าจะเน้นกันร้อนสูง ฟิล์มใส แต่จะกันร้อนสู้ฟิล์มดำหรือฟิล์มปรอทไม่ได้
  4. ฟิล์มเซรามิค เป็นฟิล์มกรองแสงที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ใช้เทคโนโลยีนาโนเซรามิคในการเคลือบฟิล์มกรองแสง ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากใน 3-5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นเรื่อง ดำเข้มจากภายนอก คมชัดจากภายใน หรือในบางครั้งเราก็เรียกฟิล์มประเภทนี้ง่าย ๆ ว่า “ฟิล์มดำนอกสว่างใน” ฟิล์มเซรามิค สามารถกันความร้อนได้สูงมากอีกด้วย นั่นจึงทำให้ฟิล์มเซรามิค ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และยังเป็นที่นิยมสำหรับการติดฟิล์มบ้าน ฟิล์มคอนโดมากอีกด้วย เนื่องจากสะท้อนแสงน้อย สามารถติดได้ทุกที่ ราคาไม่สูงมาก

เช็กราคาติดตั้งฟิล์มติดกระจกบ้านประเภทต่าง ๆ

ข้อควรรู้ ฟิล์มกรองแสงทุกชนิด ทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะถูกที่สุด หรือแพงที่สุด สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 99% แต่ จะแตกต่างกันที่ความเข้ม และการป้องกันความร้อน เพราะฉะนั้น การป้องกันรังสี UV ได้ 99% ไม่ใช่คุณสมบัติพิเศษ หรือเป็นจุดเด่น จุดขาย ของฟิล์มกรองแสงติดอาคารแต่อย่างใด แต่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีอยู่แล้ว

สอบถามราคาฟิล์มติดกระจกบ้านประเภทต่าง ๆ ติดต่อเรา

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai

ฟิล์มดำหรือฟิล์มปรอท เลือกฟิล์มติดกระจกบ้าน แบบไหนดี?

หลายคนยังสงสัย ลังเลว่า ติดฟิล์มดำ VS ฟิล์มปรอท ควรเลือกฟิล์มติดกระจกบ้าน แบบไหนดี? เนื่องจากฟิล์มติดกระจกแต่ละชนิด ราคา คุณภาพ คุณสมบัติไม่เหมือนกัน เรามีคำตอบที่คลิปด้านล่างครับ หรือจะปรึกษาเราได้เลย  Line: @Topfilmthaiโทร.0922689689


2. รู้ความเข้มฟิล์มติดอาคารที่ต้องการ 40/60/80

ความเข้มฟิล์มติดกระจกบ้าน

การเลือกฟิล์มติดออฟฟิศ อาคาร บ้าน ควรมีความเข้มเท่าไรดี?

เนื่องจากฟิล์มกรองแสงมีให้เลือกหลากหลายความเข้ม ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มเข้ม 40/60/80 และฟิล์มใส ซึ่งแต่ละความเข้ม เหมาะสำหรับห้องชนิดไม่เหมือนกัน และ ที่สำคัญต้องดูทิศทางของแสงแดดด้วยประกอบด้วย อาทิ

  • แนะนำความเข้มฟิล์มกรองแสงที่40% สำหรับ ห้องรับแขก ห้องทานข้าว หรือคอนโดสูง ทำให้ดูโปร่งสบาย ไม่อึดอัด
  • ฟิล์มกรองแสงความเข้ม 60% เหมาะสำหรับ ห้องที่อยู่ที่ทิศตะวันตก ที่แสงแดดเข้ามาตลอดทั้งบ่าย อาจจะต้องเลือกฟิล์มที่มาความเข้มกลาง ๆ เพื่อกันร้อนได้สูง
  • ฟิล์มติดกระจกบ้าน ความเข้ม 80% ผมแนะนำติดห้องนอน ที่อยากได้ความมืด ความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้แสงเข้ามาก 
  • ฟิล์มปรอทวันเวย์ ความเข้ม 80% เหมาะสำหรับ ห้องที่อยู่ชั้นล่างสุด ติดถนนหรือทางเดิน ไม่อยากให้ใครมองเข้ามาข้างในเห็น ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด 

สามารถดูความเข้มของฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้านที่คลิปด้านล่าง

ความเข้มของประเภทของฟิล์มอาคาร 40 60 80 ดูอย่างไร?

การจะเรียกความเข้มของฟิล์มติดอาคารให้ถูกต้องนั้น จริง ๆ แล้วต้องเรียกความเข้มจากค่าแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance หรือ VLT) จะมีความแม่นยำที่สูงที่สุด อันเนื่องมากจากการเรียกความเข้ม 80/60/40 เป็นการเรียกแบบคร่าว ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้บางครั้ง ฟิล์มเข้ม 60 เหมือนกัน แต่ก็มีความเข้มหรือค่าแสงสว่างส่องผ่านต่างกัน ก็เป็นได้ เพราะ

  • ฟิล์มเข้ม80 คือ ฟิล์มกรองแสงที่มีแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance) ประมาณ 3-7%
  • ฟิล์มเข้ม60 คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance) ประมาณ 15-20%
  • ฟิล์มเข้ม40 คือ ฟิล์มที่แสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance หรือ VLT) ประมาณ 30-40%
  • ฟิล์มใส คือ ฟิล์มที่มีแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance หรือ VLT) ประมาณ 70%

ดูตัวอย่างฟิล์มดำความเข้มต่าง ๆ ได้เพิ่มเติมที่บทความนี้ครับ: ตัวอย่างความเข้มฟิล์มดำ 40/60/80

ถ้ายังไม่แน่ใจว่า เลือกฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้านความเข้มแบบไหนดี ปรึกษาเราสิครับ ยินดีให้คำปรึกษา Line: @Topfilmthai โทร.0922689689

ความเข้มฟิล์มเซรามิคอาคาร


3. รู้จักยี่ห้อฟิล์มติดบ้าน

ยี่ห้อฟิล์มติดบ้าน

ต้องรู้ว่ายี่ห้อฟิล์มกรองแสงอะไร? ที่เหมาะสำหรับติดอาคาร ติดบ้าน หรือติดออฟฟิศ ฟิล์มกรองแสงแบบไหนที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะฟิล์มกรองแสง 4 ยี่ห้อดัง นั่นก็คือ ฟิล์มลามินา, ฟิล์ม Hi-kool, ฟิล์มอาคาร 3M, ฟิล์มกรองแสง iQue (V-kool)

ฟิล์มกรองแสงยี่ห้อต่างๆ

สำหรับฟิล์มกรองแสงประเภทฟิล์มอาคาร รวมถึงการเลือกฟิล์มติดออฟฟิศโดยเฉพาะ? นิยมใช้ 4 ยี่ห้อ ดังนี้ ฟิล์ม Lamina, ฟิล์ม Hi-kool, ฟิล์มอาคาร 3M, ฟิล์มกรองแสง iQue(V-kool) ซึ่งจะมีช่างติดฟิล์มติดกระจกบ้านหลาย ๆ แห่ง เลือกใช้ฟิล์มติดรถยนต์มาติดกระจกอาคาร ทำให้ไม่คงทน และไม่ได้คุณภาพ เพราะฟิล์มกรองแสงรถยนต์และฟิล์มกรองแสงบ้าน อาคาร ต้องใช้เนื้อฟิล์มที่มีความแตกต่างกัน การจะติดฟิล์มบ้านที่ดีนั้น จึงควรจะเจาะจงไปโดยเฉพาะ ว่าให้ใช้ฟิล์มติดอาคารเท่านั้น เช่น

  • ฟิล์ม Lamina ควรเลือกเจาะจงเป็นฟิล์มติดอาคาร ลามินา ลูมา ไม่ควรใช้ฟิล์มติดรถยนต์ เช่น ฟิล์มลามินา POP เป็นต้น
  • ฟิล์มHi-Kool ควรเลือก ฟิล์มติดอาคาร Hi-kool รุ่น Elite จะคงทนที่สุด
  • ฟิล์ม3M จะมีหลายรุ่นให้เลือก เช่น FX-HP, NV, CM, PR ไม่ควรใช้ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ 3M มาติด เช่น ฟิล์มปรอท Smart series รุ่น FXR
  • ฟิล์มV-kool ควรเลือกประเภทของฟิล์มอาคารโดยเฉพาะ นั้นก็คือ ฟิล์มยี่ห้อ iQue มีหลากหลายรุ่นให้เลือก ไม่แนะนำให้ใช้ฟิล์มรถยนต์ รุ่น VK มาติดฟิล์มอาคาร เป็นต้น

ติดตามอ่านเรื่องยี่ห้อฟิล์มติดอาคารอย่างละเอียด ที่บทความนี้: ติดฟิล์มบ้าน ฟิล์มอาคาร ยี่ห้อไหนดี?

หลายคนอาจยังมีคำถามว่า ยี่ห้อฟิล์มกรองแสง ยี่ห้อไหนดีที่สุด? เพราะอย่างที่ทุก ๆ คนทราบกัน ฟิล์มกรองแสง ในประเทศไทย มีอยู่ 4 ยี่ห้อที่ครองตลาดฟิล์มกรองแสงอยู่ นั้นก็คือ ฟิล์ม Lamina, ฟิล์ม Hi-Kool, ฟิล์ม 3M, และ ฟิล์ม V-kool (iQue) และยังมีฟิล์มกรองแสงอื่น ๆ มากมายอีกเป็นหลายร้อยยี่ห้อ แล้วฟิล์มกรองแสงยี่ห้อไหนหละ ที่ดีที่สุด เหมาะกับบ้านเรามากที่สุด อยากรู้ > คลิกเลย

ติดฟิล์มบ้าน ยี่ห้อไหนดี

Topfilm ยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ ยี่ห้อติดฟิล์มอาคารที่ดีที่สุดเพิ่มเติมครับ

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai


5. ติดฟิล์มติดกระจกบ้านจากบริษัทที่เชื่อถือได้

บริษัทติดฟิล์มกรองแสง

เนื่องจากในปัจจุบันมีบริษัทรับติดฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้าน ให้เลือกใช้บริการอย่างหลากหลาย รวมถึงมีช่างรับติดฟิล์มติดกระจกบ้านในราคาถูกมากมาย ซึ่งหลายคนอาจสับสนว่า หากต้องการใช้บริการติดฟิล์มติดกระจกบ้านควรเลือกแบบไหนดี และจะรู้ได้อย่างไรว่าหากเลือกติดฟิล์มกรองแสงจากบริษัทนั้น ๆ จะมีความเชื่อถือได้จริง เรามีคำตอบกับคำถามนี้มาให้คุณ

  • เลือกบริษัทรับติดฟิล์มกระจกบ้าน ที่มีประสบการณ์

ดูจากผลงานการติดตั้งที่ผ่านมา และทีมงานที่ได้รับความไว้วางใจ รวมถึงมีประสบการณ์ในการรับงานใหญ่ ไม่เพียงแค่ติดบ้านและคอนโดเท่านั้น ที่สำคัญควรจะเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียน ไม่ใช่แค่ช่างพรีแลนซ์ทั่วไป โดยเฉพาะช่างที่ไม่มีหน้าร้าน เพราะถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการติดตั้ง คุณจะไม่สามารถตามมาแก้งานได้เลย 

  • ไม่ทิ้งงาน

การทิ้งงานของช่างผู้รับเหมาเป็นปัญหาโลกแตกที่หลาย ๆ คนต้องพบเจอ ยิ่งถ้าติดตั้งกับช่างที่ขาดประสบการณ์ หลังจากติดฟิล์มไปแล้ว มักจะเกิดปัญหาอันเนื่องมาจากการติดตั้งงานที่ไม่เรียบร้อย มีฝุ่นเยอะ แต่ตอนเรียกให้มาแก้ไขหรือให้มาเคลม ก็ไม่มา อ้างว่าเป็นเรื่องปกติบ้าง ในส่วนนี้เราสามารถดูรีวิว หรือจำนวนผลงานได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

  • ใช้ฟิล์มกรองแสงแท้

เป็นข้อควรระวังสูงสุด!!! อันเนื่องมาจาก ลูกค้าไม่มีทางรู้ว่าฟิล์มติดอาคารที่ใช้นั้น เป็นของแท้หรือของปลอม โดยเฉพาะฟิล์มกรองแสงยี่ห้อดัง มักจะมีการปลอมแปลงฟิล์มกรองแสงกันบ่อยครั้ง ในหลาย ๆ ครั้ง บริษัทผู้ผลิต ก็พยายามจะสกรีนโลโก หรือรหัสลงในแผ่นฟิล์มกรองแสง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังสามารถปลอมแปลงได้อยู่ดี

ถ้าจะให้ดี ควรเลือกใช้บริการบริษัทติดฟิล์มกรองแสงหรือช่างที่ติดตั้ง ที่มีการใช้เครื่องวัด Spec ฟิล์ม ก่อนนำมาติดตั้งหน้างานด้วย เพื่อเทียบกับใน Spec ที่ระบุไว้ในโบรชัวร์หรือเว็บไซต์ รวมถึงบริษัทหรือช่างผู้ติดตั้งก็ยินดีให้ลูกค้าโทรไปสอบถามสำนักงานใหญ่ ว่ามีการซื้อขายกันจริงหรือไม่?

  • มีใบรับประกันฟิล์มติดอาคารโดยเฉพาะ

การรับประกันฟิล์มติดอาคารต้องมี “ใบรับประกันฟิล์มติดอาคาร” โดยเฉพาะ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการรับประกันประมาณ 5-10 ปี ที่สำคัญ คือ “ใบรับประกันฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ไม่สามารถทดแทนกันได้” ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นเนื่องมาจากฟิล์มกรองแสง บริษัทผู้ผลิตจะไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบในสิ่งนี้ แต่จะต้องเป็นผู้ติดตั้ง ที่ต้องมารับผิดชอบด้วยตนเอง

topfilm thailand ที่สุดใน3ด้าน

Topfilm Thailand รับติดฟิล์มกระจกบ้าน พร้อมให้คำปรึกษา

หากมีปัญหา ยินดีให้คำปรึกษา เปลี่ยนเคลม 100% ฟรี Line: @Topfilmthai โทร.0922689689


6. รู้งบประมาณการติดตั้งฟิล์มกระจกบ้าน

ราคาติดฟิล์มกรองแสง

ตรวจสอบราคาของฟิล์มติดบ้านแต่ละรุ่นให้เพียงพอกับงบประมาณของตัวเอง เพราะฟิล์มกรองแสงที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป ราคาของฟิล์มกรองแสงมีตั้งแต่ราคาตารางฟุตละ 49 บาท ไปจนถึงตารางฟุตละ 400 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของทุกท่าน และนี่ก็เป็นราคาประมาณการของฟิล์มติดอาคาร แต่ละยี่ห้อ

  • ฟิล์มกรองแสงลามินาLamina ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 120 บาท
  • ฟิล์มติดอาคาร Hi-kool ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 75 บาท
  • ฟิล์มติดอาคาร 3M ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 120 บาท
  • ฟิล์มกรองแสง iQue (V-kool) ราคาเริ่มต้นที่ ตารางฟุตละ 150 บาท
  • ฟิล์มเซรามิค SolarFX, Global ราคาเริ่มต้น ตารางฟุตละ 150 บาท
  • ฟิล์มกรองแสง SolarGard ราคาเริ่มต้น ตารางฟุตละ 120 บาท
  • ฟิล์มปรอท HeatGard ราคาเริ่มต้น ตารางฟุตละ 65 บาท
  • ฟิล์มดำคาร์บอน ราคาเริ่มต้น ตารางฟุตละ 49 บาท

แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมครับ: วิธีคำนวนราคาฟิล์มติดอาคารอย่างละเอียด

ซึ่งราคาเหล่านี้เป็นราคาเบื้องต้น จะต้องตรวจสอบหน้างานที่จะติดตั้งด้วย ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป ถ้าอยากให้เราประเมินราคาหน้างาน ฟรี Line: @Topfilmthai โทร.0922689689

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai

 


7. ต้องตรวจสอบหน้างาน ก่อนติดฟิล์มบ้าน

ติดฟิล์มบ้าน

เช็กหน้างาน ก่อนติดฟิล์มอาคาร อย่างไร?

ก่อนติดฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้าน อาคาร คอนโดนั้น ต้องมีการตรวจสอบก่อนว่าสามารถติดฟิล์มกรองแสงบ้านได้หรือไม่ โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้

  1. มีเหล็กดัดบังหรือไม่? ถ้ามีเหล็กดัดบัง สามารถถอดได้หรือไม่ เนื่องจากการติดฟิล์มกระจกบ้านนั้น จำเป็นต้องถอดเหล็กดัดออกก่อนเพื่อคุณภาพการติดตั้งที่ดีที่สุด หรือในบางครั้ง ถ้าไม่สามารถถอดเหล็กดัดได้จริง ๆ ก็อาจจะสามารถติดได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่เนียนเท่าไรนัก
  2. กระจกที่ต้องการติดฟิล์ม เป็นขอบกระจกประเภทไหน? ขอบกระจกมีหลายแบบ เช่น ขอบกระจกซิลิโคน ขอบกระจกอลูมิเนียม หรือเป็นขอบไม้ เราต้องเช็คและต้องแจ้งช่างก่อนติดตั้งว่าเป็นแบบไหน เนื่องมาจากขอบกระจกแต่ละชนิด จะต้องใช้เทคนิคในการติดที่ต่างกัน และใช้เวลาในการติดฟิล์มกระจกบ้านต่างกันด้วย
  3. ดูความสูงในการติดฟิล์ม ว่าสูงกี่เมตร? ถ้าสูงประมาณ 1-2 เมตร ก็สามารถใช้บันไดสูงได้ แต่ถ้าสูงเกิน 3 เมตรขึ้นไป ต้องใช้นั่งร้าน และต้องพิจารณาด้วยว่าใช้กี่ชั้น พื้นที่ติดตั้งอันตรายหรือไม่ ถ้าอันตรายมาก บางตำแหน่งอาจจะไม่สามารถติดตั้งฟิล์มกรองแสงได้
  4. ต้องมีการลอกฟิล์มเก่าก่อนหรือไม่? เพราะการลอกฟิล์มเก่า จะต้องใช้อุปกรณ์การลอกฟิล์มเก่า และจะต้องมีการใช้น้ำยาลอกฟิล์ม ที่ต้องมีการเตรียมล่วงหน้าด้วย ค่าใช้จ่าย และระยะเวลาในการติดตั้งฟิล์มกรองแสงอาคารก็จะสูงไปด้วยเช่นกัน
  5. มีงานก่อสร้างอื่น ๆ ทำอยู่หรือไม่? เช่น งานเฟอร์นิเจอร์ Build in งานปูกระเบื้อง งานเจาะต่าง ๆ จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในห้องสูง เนื่องจากการติดฟิล์มจะต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่ปลอดฝุ่น เพราะฉะนั้น เราจึงแนะนำให้ลูกค้าติดฟิล์มกรองแสงอาคารเป็นรายการสุดท้ายในการแต่งเติมบ้านนั่นเอง

ติดฟิล์มกระจกบ้าน

หากคุณลูกค้าประเมินด้วยตนเองแล้ว ไม่แน่ใจว่าติดตั้งได้หรือไม่ ให้ถ่ายรูปหน้างานส่งมาให้เราประเมินก่อน หรือ ต้องให้ทางทีมงานไปประเมินหน้างานเพื่อความมั่นใจ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และทำให้การทำงานติดตั้งฟิล์มอาคาร มีประสิทธิภาพสูงสุด โทรเลย 0922689689


8. ต้องรู้วิธีการดูแลหลังการติดตั้งฟิล์มบ้าน

วิธีการดูแลรักษาฟิล์ม

วิธีดูแลฟิล์มติดกระจกอาคารให้คุณภาพดีสม่ำเสมอ ต้องทำอย่างไร? ซึ่งหลาย ๆ คนมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดอยู่แล้ว แต่ทำความสะอาดได้ไม่ถูกวิธี นั่นทำให้ฟิล์มติดกระจกบ้านของเรา เสื่อมเร็วกว่าที่ควร

เพราะฉะนั้นหลังจากติดตั้งฟิล์มกรองแสงแล้ว มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

  1. หลีกเลี่ยง การเช็ดกระจกเป็นเวลาประมาณ 7 วันหลังการติดตั้งฟิล์มกรองแสง (เพื่อป้องกันฟิล์มเลื่อน)
  2. ห้าม ใช้ผ้าหยาบ, ขนแปรง, สก็อตซ์ไบรต์, กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือวัสดุอื่น ๆ เช็ดลงบนเนื้อฟิล์ม (ทำให้ฟิล์มเป็นรอยได้)
  3. ห้าม เช็ดด้วยน้ำยาล้างกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย เนื่องจากแอมโมเนียจะทำปฏิกิริยากับฟิล์มติดอาคาร ส่งผลให้ฟิล์มแข็งกระด้าง และกาวเสื่อมสภาพ

เมื่อทุกท่านทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว ท่านก็สามารถติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านได้อย่างสบายใจ และดูแลได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกังวล รับประกันว่าคุณภาพของฟิล์มกรองแสงจะอยู่ได้นานแน่นอน

สรุป ข้อควรรู้ก่อนติดฟิล์มกระจกบ้าน

การจะติดฟิล์มกันแดดติดกระจกบ้าน ฟิล์มอาคารให้มีประสิทธิภาพดีนั้น ซึ่งหลาย ๆ คนจะมองแค่ ฟิล์มราคาถูก กับ ยี่ห้อของฟิล์มติดกระจกเท่านั้น จริง ๆ แล้ว เรามีข้อควรรู้ด้วยกันทั้งหมด 8 ข้อ ที่จะต้องพิจารณา และต้องดูเพื่อความเหมาะสมในหลาย ๆ ด้านด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  1. ติดฟิล์มอาคารยี่ห้อไหนดี?
  2. ติดฟิล์มอาคาร คิดราคาอย่างไร?
  3. ความเข้มของฟิล์ม 40 60 80 
  4. ประเภทของฟิล์มกรองแสงที่เหมาะสมกับห้องของตัวเองเป็นฟิล์มประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มดำ ฟิล์มปรอท ฟิล์มใส หรือฟิล์มเซรามิก
  5. บริษัทเรารับจ้างติดฟิล์มเชื่อถือได้หรือไม่
  6. ใช้ฟิล์มกรองแสงของแท้ 100 % หรือเปล่า?
  7. หน้างานการติดตั้งสามารถติดได้หรือไม่
  8. วิธีดูแลฟิล์มกรองแสงหลังติดตั้ง

ทางที่ดี ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน เพิ่มประสิทธิภาพการติดตั้งฟิล์มอาคารที่สูงสุด


แนะนำให้คุณอ่านบทความเหล่านี้เพิ่มเติม

TOPFILM Thailand ผู้เชี่ยวชาญและให้บริการรับติดฟิล์มบ้านในราคาที่คุ้มค่าต่อการลงทุน ติดฟิล์มคอนโดคุณภาพสูง ราคาถูก เพราะฟิล์มบ้านจะอยู่กับเราไปอีกหลายปี Topfilm Thailand เรามีทีมช่างที่เชี่ยวชาญประสบการณ์มากกว่า 10 ปี พร้อมให้คำแนะนำการเลือกฟิล์มติดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรายินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับฟิล์มติดบ้านทุกชนิด มีบริการให้คำแนะนำถึงสถานที่ติดตั้ง ฟรี

โทร : 092-2689-689, 02-003-3583

Email : topfilm.th@gmail.com

Facebook : https://www.facebook.com/Topfilmthailand/

LINE : @topfilmthai

สนใจติดฟิล์มกระจกบ้าน โดยทีมช่างมืออาชีพ ติดต่อเราสิครับ

call topfilmthailand

fb topfilm thailand

line topfilm thai

 

สินค้าและบริการติดฟิล์มอาคาร

topfilm ผลงานติดฟิล์มที่ผ่านมา

ติดฟิล์มกระจกบ้าน ราคาถูก

หลาย ๆ คนยังสนใจ บทความเพิ่มเติม เกี่ยวกับการติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร คอนโด คลิกเลย

เทคนิคการออมเงินเพื่อรถ EV
6 เทคนิคการออมเงินเพื่อรถยนต์ EV ในอนาคต

เทคนิคการออมเงินเพื่อรถยนต์ EV ในอนาคต ถ้ามีการวางแผนมาอย่างดีและมีการออมอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำทุกข้อให้ครบก็สามารถเก็บเงินไว้ซื้อรถยนต์ได้แน่นอน

ติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้มเท่าไรดี
ติดฟิล์มรถยนต์ 40 60 80 เลือกความเข้มเท่าไรดี?

สำหรับใครที่กำลังจะติดฟิล์มรถยนต์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน ความเข้มเท่าไหร่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก ไปดูกันว่าฟิล์มรถยนต์สำคัญอย่างไร แล้วถ้าจะติดควรเลือกแบบไหน ความเข้มเท่าไหร่ดี?

สถานีชาร์จรถไฟฟ้า
แผนที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้าใกล้ฉันทั่วประเทศ มีที่ไหนบ้าง ยี่ห้อไหนบ้าง

ในปัจจุบัน ได้มีการให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV อย่างแพร่หลาย ครอบคลุมหลายจังหวัดทั่วประเทศจากหลากหลายยี่ห้อผู้ให้บริการ แล้วแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ไปศึกษาจากบทความนี้ได้เลย