ขั้นตอนอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
รู้หรือไม่? ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกเปิดให้อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมากๆ เพราะอยู่ที่บ้านก็สามารถเข้ารับอบรมง่ายๆ ทำให้เมื่อถึงขั้นตอนต่อใบขับขี่ที่กรมการขนส่งก็สามารถประหยัดเวลาไปได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่รออบรมตามรอบเวลาเหมือนสมัยก่อน
สำหรับใครที่ยังไม่รู้หลายละเอียดเกี่ยวกับบริการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์นี้ วันนี้ Topfilm Thailand เราได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์และจำนวนชั่วโมงที่ควรเข้ารับอบรมมาให้คุณที่นี่เรียบร้อย
ตามมาดูกันเลยครับ !!
หลายคนยังสนใจบทความน่ารู้เพิ่มเติม
อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนครับว่า ในการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ จะต้องเตรียมเอกสารอะไรกันบ้าง
- อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์สามารถทำจากที่ไหนก็ได้ที่คุณสะดวก เพราะเป็นการเข้าอบรมกับระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถผ่านทางเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ ซึ่งเป็นระบบของกรมการขนส่งทางบกโดยเฉพาะ แนะนำให้ทำการเตรียม คอมพิวเตอร์, สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตพร้อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีความสเถียรเอาไว้
- เตรียมข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชนและวันเดือนปีเกิด เพื่อใช้กรอกในขั้นตอนการสมัครสมาชิก
- เตรียมตัวและเวลาเอาไว้เพราะการเข้าอบรมนั้นมีการนับชั่วโมงและมีแบบทดสอบเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณทำเป็นการวัดระดับ อีกทั้งการต่อใบขับขี่บางกรณีอาจใช้ระยะเวลาถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียวในการอบรม ดังนั้นถ้าหากไม่มีเวลาว่างพอ เมื่อถึงส่วนสุดท้ายก็อาจทำให้ไม่ผ่านอบรมได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหากใครที่คิดว่าจะเปิดวิดีโออบรมเอาไว้เฉยๆ และไปทำธุระอย่างอื่นจะได้ไม่เสียเวลา บอกเลยว่าระบบของกรมการขนส่งได้ป้องกันจุดบอดนี้เอาไว้แล้ว เพราะตัวระบบจะมีการสุ่มถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาในการอบรมมาให้คุณตอบภายใน 3 นาทีระหว่างที่คุณดูวิดีโออยู่ เรียกได้ว่าไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีคำถามมาช่วงไหน ทำให้คุณต้องตั้งใจฟังการอบรมอย่างเคร่งครัด
วิธีเข้าอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ง่าย แค่คลิก www.dlt-elearning.com
1. เข้าเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/
สำหรับคนไทยที่ไม่เคยเข้าอบรมผ่านทางนี้ให้ทำการ “ลงทะเบียนใหม่” ได้ทันที กรณีชาวต่างชาติก็สามารถกดปุ่ม “For Foreigner” ได้ โดยระบบจะเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวก
2. กรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมลและวันเดือนปีเกิดเป็น พ.ศ. จากนั้นกดปุ่ม “ดำเนินการต่อ”
หากกดปุ่มลงทะเบียนใหม่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะพามาที่หน้ากรอกข้อมูลส่วนตัว คุณจะต้องกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมลและวันเดือนปีเกิดเป็น พ.ศ. ให้ถูกต้อง จากนั้นกดปุ่ม “ดำเนินการต่อ” ขั้นตอนนี้ระบบจะมีการชี้แจงเงื่อนไขการใช้งานเอาไว้สั้นๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษาข้อมูลของผู้อบรม ให้ผู้ลงทะเบียนอ่านเพื่อทำความเข้าใจและกด “ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข” จากนั้นให้กดปุ่ม “ยืนยัน”
3. กรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและวันเดือนปีเกิดเพื่อ “เข้าสู่ระบบ”
เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยจะกลับมาที่หน้า Log-in คุณสามารถกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและวันเดือนปีเกิดเพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ได้ทันที สำหรับช่องวันเกิดปีเกิดให้กรอกเป็นตัวเลขเท่านั้น (ววดดปปปป) เช่น วันที่ 9 เดือนมกราคม พ.ศ.2539 ให้กรอก 09012539
4. เลือกคลาส “อบรมต่ออายุใบอนุญาตรถส่วนบุคคล/รถขนส่ง/รถสาธารณะ”
จากนั้นระบบจะมีคลาสต่างๆ ให้คุณได้เลือกเข้าอบรม สำหรับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์คุณจะต้องเลือกคลาส “อบรมต่ออายุใบอนุญาตรถส่วนบุคคล/รถขนส่ง/รถสาธารณะ” โดยปัจจุบันหลักสูตรอบรมในคลาสนี้มีทั้งหมด 4 หลักสูตรด้วยกันคือ
- [ต่ออายุ] ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์)
- [ต่ออายุ] ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์)
- [ต่ออายุ] ใบอนุญาตขับรถขนส่ง (ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4, ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 1-4)
- [ต่ออายุ] ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถยนต์สาธารณะ)
หากเลือกหลักสูตรที่ต้องการอบรมได้แล้วให้กดปุ่ม “สมัครอบรม” จากนั้นหน้าจอจะขึ้นติ๊กถูกสีเขียวพร้อมข้อความ “สมัครหลักสูตรสำเร็จ”
5 . เริ่มต้นการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
ระบบจะพามาหน้าหลักสูตรที่สมัคร ในหน้านี้จะมีการแจ้งดำเนินการเอาไว้ว่าเหลือเวลาอบรมอีกทั้งหมดกี่วัน รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์อีกด้วย ให้คุณกดปุ่ม “ดำเนินการต่อ” ได้เลย
6 . ดูวิดีโออบรมให้ครบตามที่ระบบกำหนด
สำหรับการอบรมหลักสูตร “[ต่ออายุ] ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล” ระบบได้แบ่งวิดีโอออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน ให้คุณทำการดูวิดีโออบรมให้ครบตามที่ระบบกำหนด โดยคุณไม่สามารถเร่งความเร็วและกดข้ามวิดีโอได้
7 . ทำแบบทดสอบ รับQR Code
เมื่อดูจนครบแล้วจะมีคำถามเป็นการทบทวนอีกครั้ง ให้ทำแบบทดสอบนั้นให้เสร็จ จากนั้นคุณจะได้ QR Code เป็นการยืนยันว่าผ่านหลักสูตรการอบรม โดยผลการอบรมมีอายุ 6 เดือนนับจากวันที่ผ่านการอบรม
อบรมใบขับขี่ออนไลน์ทั้งหมดกี่ชั่วโมง?
สำหรับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์แม้ว่าในเว็บไซต์จะมีแจ้งเอาไว้เบื้องต้นแล้ว แต่การทำความเข้าใจก่อนใช้งานก็เป็นสิ่งจำเป็น
กรณีทำใบอนุญาตขับขี่ครั้งแรก ไม่เคยมีมาก่อนหรือทำการเปลี่ยนประเภทใบขับขี่จาก 2 ปีเป็น 5 ปี คุณจะต้องทำการเข้าอบรมที่สำนักงานเท่านั้น
แต่ถ้าหากเป็นการต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจาก 5 ปีเป็น 5 ปีก็จะสามารถอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ โดยกำหนดจำนวนชั่วโมงดังนี้
- ไม่ขาดต่ออายุหรือขาดต่ออายุไม่เกิน 1 ปี อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 1 ชั่วโมง
- ขาดต่ออายุเกิน 1 ปีแต่ไม่เกิน 3 ปี อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2 ชั่วโมง
- ขาดต่ออายุเกิน 3 ปี อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการต่ออายุใบขับขี่สำหรับกรณีขาดต่ออายุเกิน 1 ปีแต่ไม่เกิน 3 ปีและขาดต่ออายุเกิน 3 ปี นอกจากอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์แล้ว คุณจะต้องทำการทดสอบข้อเขียนเพิ่มเติม โดยผู้ที่ขาดต่ออายุเกิน 3 ปีจะต้องทำการทดสอบขับรถอีกครั้งด้วยถึงจะสามารถต่อใบขับขี่ได้
อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เสร็จแล้วต้องทำอย่างไร?
เมื่อทำการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เสร็จแล้ว คุณสามารถนำหลักฐานที่เตรียมไว้พร้อมเข้าจองคิวเพื่อทำการต่อใบขับขี่ได้เลย โดยมีค่าธรรมเนียมแบ่งเป็น รถจักยานยนต์ 255 บาทและรถยนต์ 505 บาทเท่านั้น ปัจจุบันหากต้องการต่อใบขับขี่ คุณจะต้องทำการเข้าจองคิวที่แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เสียก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
- เลือกสำนักงานขนส่งที่คุณสะดวกไปดำเนินการต่อใบขับขี่ จากนั้นเลือกประเภทบริการ “งานใบอนุญาต” พร้อมทั้งเลือกประเภทใบอนุญาตขับรถที่ต้องการ
- ระบบจะให้คุณทำการเลือกประเภทเข้ารับบริการ ให้เลือก “ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ” จากนั้นเลือกประเภทยานพาหนะ
- กรอกข้อมูลวันหมดอายุใบอนุญาตนั้นๆ พร้อมชนิดรถแล้วกด “ยืนยัน”
- เลือกประเภทงานที่ต้องการใช้บริการและทำการเลือกวันที่สะดวกพร้อมกด “ยืนยัน” อีกครั้ง
สามารถตรวจสอบการจองคิวต่อใบอนุญาตได้ที่เมนูคิวของฉันภายในแอปพลิเคชัน สามารถกดบันทึก QR code เอาไว้ในโทรศัพท์ของคุณ แนะนำให้ไปก่อนเวลานัด 10 – 30 นาที เพราะถ้าหากไม่ไปในช่วงเวลากำหนดจะถือว่าคุณสละสิทธิ์และต้องทำการจองคิวใหม่อีกครั้ง สำหรับการต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปีเป็น 5 ปี จะใช้เอกสารทั้งหมด 4 อย่างด้วยกันคือ
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์
- ใบอนุญาตเดิมตัวจริง
- ผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
อย่างไรก็ตามภายในแอปพลิเคชันจะมีการแจ้งรายละเอียดเอกสารที่คุณต้องเตรียมพร้อมกับระเบียบอื่นๆ ให้คุณทราบ ดังนั้นคุณสามารถเข้าระบบเพื่อตรวจสอบได้ตลอดเวลา
ต่อใบอนุญาตขับขี่สามารถทำได้ตอนไหน?
ปิดท้ายกันที่คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการต่อใบอนุญาตขับขี่ บอกเลยว่านอกจากปัญหาข้อสงสัยเรื่องการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์แล้ว เรื่องระยะเวลาที่ควรต่อใบขับขี่ก็เป็นปัญหาที่หลายๆ คนเจอเช่นกัน สำหรับใบอนุญาตแบบ 2 ปี (ชั่วคราว) ต้องการเปลี่ยนเป็น 5 ปี คุณสามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ทันทีที่ถือใบอนุญาตขับรถครบ 1 ปี แต่สำหรับการเปลี่ยนจาก 5 ปีเป็น 5 ปี คุณจะสามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ 90 วันเท่านั้น
เป็นอย่างไรบ้างกับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ประจำปี 2566 นี้ ถือว่าระบบการอบรมของกรมการขนส่งนั้นมีการพัฒนาขึ้นตามยุคสมัยอยู่เสมอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ไม่สะดวกเข้าอบรมที่สำนักงาน อีกทั้งยังมีระบบให้บริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ สำหรับใครที่กำลังมีแพลนต้องทำการต่อใบขับขี่ก็สามารถทำตามขั้นตอนที่เรารวบรวมมาได้เลย
ใบขับขี่หมดอายุ ปรับเท่าไหร่
ในกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุ หรือ ต่ออายุใบขับขี่ช้า หรือไม่ต่ออายุใบขับขี่ และนำรถไปขับขี่บนท้องถนน จะถือว่าเป็นการทำผิดกฏหมายจราจร และต้องรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ตามรายละเอียดดังนี้
- มาตรา 64 : ขับรถไม่มีใบขับขี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกระทำ
- มาตรา 65 : ใบขับขี่หมดอายุ จะถูกยึดใบขับขี่ คุณจะต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- มาตรา 66 : หากคุณมีใบขับขี่แต่ไม่พกมันไปด้วยเมื่อขับรถ หรือหากคุณไม่สามารถแสดงใบขับขี่ของคุณให้เจ้าหน้าที่จราจรเห็นเมื่อถูกเรียกตรวจ คุณจะต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท
เฉพาะฉะนั้นแล้ว การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องและไม่หมดอายุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน การทราบและเข้าใจถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย เพราะฉะนั้นอย่าลืมไปต่อใบขับขี่กันนะครับ ขั้นตอนไม่ยากเลย สามารถทำออนไลน์ได้ด้วย
ค่าใช้จ่ายในการทำใบขับขี่
- ต่ออายุใบขับขี่รถยนต์แบบ 2 ปี เป็น 5 ปี: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะเป็น 505 บาท ซึ่งคุณสามารถจัดการขั้นตอนนี้ได้ทันทีหลังจากที่ใบขับขี่ของคุณหมดอายุ 2 ปี
- ต่ออายุใบขับขี่รถยนต์แบบ 5 ปี เป็น 5 ปี: การต่ออายุใบขับขี่นี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่เท่ากันกับการต่ออายุแบบ 2 ปีเป็น 5 ปี คือ 505 บาท ใบขับขี่นี้จะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี หลังจากการต่ออายุ
- ต่ออายุใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ 5 ปี: สำหรับใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ค่าใช้จ่ายในการต่ออายุจะเป็น 255 บาท การต่ออายุนี้จะให้คุณสามารถขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ในระยะเวลา 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ทันทีหลังจากหมดอายุ
สรุป
การต่อใบขับขี่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากๆในยุคปัจจุบัน โดยทุกท่านสามารถทำใบขับขี่ผ่านระบบออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ทำให้คุณสามารถเรียนรู้และทบทวนความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายจราจรวิธีการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ บนท้องถนน เพื่อรักษามาตรการความปลอดภัยขณะขับขี่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณทำการลงทะเบียนและเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์แล้ว คุณสามารถจองคิวการทำใบขับขี่ผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที ซึ่งขั้นตอนนี้ช่วยลดระยะเวลาที่คุณต้องใช้ที่สำนักงานขนส่งและทำให้การต่อใบขับขี่เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายขึ้น เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ ที่เราได้ชี้แจงไป เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีใบขับขี่ที่ไม่หมดอายุ สามารถใช้รถได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องถูกตำรวจจับอีกต่อไปครับ
หลายคนยังสนใจอ่านข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม
- รวมทริคเลือก“เลขทะเบียนมงคล”เสริมดวงง่ายๆ
- เลือกสีรถถูกโฉลกตามวันเกิดอย่างไร
- รวมฮิต 16 ความหมายของความฝันเกี่ยวกับรถยนต์