แบตเตอรี่รถยนต์ต้องเลือกแบบไหน ยี่ห้อไหนดี? (2024)

เปิดโพย “แบตเตอรี่รถยนต์” ต้องเลือกแบบไหน? ยี่ห้อไหนดี?

แบตเตอรี่รถยนต์แบบไหนดี

หากพูดถึงส่วนที่เป็นหัวใจของรถยนต์อีกหนึ่งอย่างก็ต้องยกให้ “แบตเตอรี่รถยนต์” เลยทีเดียว เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องดูแลอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นส่วนที่คอยจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำรองไฟในกรณีที่คุณดับเครื่อง ถ้าแบตเตอรี่รถยนต์มีปัญหารับรองเลยว่ารถยนต์ของคุณจะต้องสตาร์ทไม่ติดหรือระบบไฟฟ้าไม่ทำงานแน่ๆ 

หลายคนยังสนใจบทความน่ารู้เพิ่มเติม

เพื่อที่จะได้เลือกซื้อแบตเตอรี่ได้ตรงตามความต้องการ เรามาเริ่มต้นที่การทำความรู้จักกับแบตเตอรี่รถยนต์ประเภทต่างๆ กันเลยดีกว่า

โดยปัจจุบันเพื่อนๆ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทด้วยกันคือ

  1. แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ

แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ

แบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ คือ แบตเตอรี่รถยนต์ชนิดธรรมดา เป็นประเภทพื้นฐานที่สามารถพบได้ทั่วไป ภายในมีส่วนผสมของโลหะตะกั่วและพลวง บางครั้งจึงถูกเรียกในชื่อแบตเตอรี่ตะกั่ว – กรด สำหรับการใช้งานครั้งแรกจะต้องทำการเติมน้ำกรดลงไปเสียก่อนเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาถึงจะเริ่มใช้งานได้ หลังจากนั้นจะต้องหมั่นตรวจสอบระดับของน้ำกลั่นเสมอ ไม่ปล่อยให้น้ำกลั่นแห้งเพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีปัญหาและใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ข้อดี – ราคาถูก หาซื้อได้ง่ายที่สุดในบรรดาแบตเตอรี่รถยนต์ทุกชนิด หากดูแลถูกวิธีจะสามารถใช้งานได้นาน

ข้อเสีย – เป็นแบตเตอรี่ชนิดที่มีค่าแอมป์ต่ำ จำเป็นต้องตรวจสอบและดูแลระดับน้ำกลั่นของแบตเตอรี่เสมอ โดยปกติมักจะระเหยจนต่ำกว่าระดับภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ยิ่งใช้งานเยอะยิ่งระเหยไว 

  1. แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง

แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง คือ แบตเตอรี่ที่ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นก็สามารถใช้งานได้ ตัวแบตเตอรี่จะถูกปิดมาอย่างดีไม่มีช่องให้เติมน้ำกลั่น ทำให้ถ้าหากเกิดการรั่วไหลของสารจากภายในแบตเตอรี่ สารนั้นๆ ก็จะไม่ไหลมาทำลายชิ้นส่วนเครื่องยนต์ชิ้นอื่นๆ 

สามารถแบ่งได้อีก 2 แบบย่อยคือ แบบ AGM (Absorbent Glass Mat) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ตัวแบตเตอรี่จะมีแผ่นใยแก้วดูดซับน้ำกรดซึ่งช่วยส่งเสริมให้ตัวแบตเตอรี่สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น และ แบบเจล ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันแต่จะมีความทนต่ออุณหภูมิมากกว่า ทั้ง 2 แบบย่อยนี้มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีปุ่ม Start/Stop 

ข้อดี – ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ เหมือนกับแบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ สามารถชาร์จแบตเพื่อกลับมาใช้งานอีกได้ อายุการใช้งานสูง 5 – 10 ปี

ข้อเสีย – ราคาสูงเป็นพิเศษ แม้จะไม่ต้องดูแลบ่อยๆ แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องการอุดตันจนแรงดันภายในแบตเตอรี่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากตัวแบตเตอรี่มีรูระบายอากาศขนาดเล็กเท่านั้น

  1. แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง

แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง

แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง คือ แบตเตอรี่ลูกผสมระหว่างแบบน้ำและแบบแห้ง อายุใช้งานประมาณ 2 – 3 ปีหากมีการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ว่าจะยังต้องเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้เพื่อคงประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ก็ถูกพัฒนามาให้เติมเพียงปีละ 1 – 2 ครั้งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องดูแลบ่อยเท่ากับแบตเตอรี่แบบน้ำ 

ข้อดี – ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง ไม่ต้องดูแลบ่อยๆ ก็ใช้งานได้ ไม่ยุ่งยาก ปกติจะตรวจเช็กทุก 6 เดือน

ข้อเสีย – อายุการใช้งานสั้นกว่าแบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ อีกทั้งต้องคอยตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอยู่เสมอ

  1. แบตเตอรี่รถยนต์แบบไฮบริด

แบตเตอรี่รถยนต์แบบไฮบริด

แบตเตอรี่รถยนต์แบบไฮบริด คือ แบตเตอรี่ลูกผสมระหว่างแบบน้ำและแบบกึ่งแห้ง ภายในประกอบด้วยโลหะผสมอย่างตะกั่วและแคลเซียมเฉพาะแผ่นธาตุลบ ทำให้เป็นแบตเตอรี่อีกหนึ่งชนิดที่ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ ก็สามารถใช้งานได้ เรียกได้ว่ามีอัตราการระเหยของน้ำกลั่นต่ำกว่าแบตเตอรี่ธรรมดา มักถูกใช้งานกับรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่หรือรถยนต์รับจ้างชนิดต่างๆ ซึ่งมีการใช้งานหนักตลอดวัน

ข้อดี – ค่า CCA สูงทำให้มีกำลังในการสตาร์ทรถยนต์แรง มีความทนทานและราคาถูกกว่าแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง

ข้อเสีย – หากเทียบกับแบตเตอรี่ทุกชนิดก็ยังมีถือว่าเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ราคาสูง ต้องเติมน้ำกลั่น 1 – 2 ครั้งต่อปี

ซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ต้องเลือกแบบไหน?

จะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละชนิดก็ข้อดี – ข้อเสียที่แตกต่างกันไป บางแบบจำเป็นต้องดูแลรักษาประจำทุกสัปดาห์ บางแบบสามารถดูแลรักษาปีละ 1 – 2 ครั้งก็ได้ ทั้งหมดนี้ทำให้การเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ต้องคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาหรือด้านราคาก็สำคัญทั้งสิ้น ดังนั้นในการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ให้คุ้มค่าที่สุดก็คือเลือกโดยอิงจากงบประมาณและลักษณะการใช้งานรถยนต์ของคุณนั่นเอง

ค่า CCA สำคัญอย่างไร?

ค่า CCA คือ

ค่า CCA หรือค่ากำลังของแบตเตอรี่เป็นอีกส่วนสำคัญในการเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ เพราะถ้าหากเลือกแบตเตอรี่ที่มีค่า CCA ต่ำกว่าที่รถยนต์ต้องการก็อาจทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติดได้ ดังนั้นการหาค่า CCA ที่เหมาะสมจะต้องรู้ขนาดของเครื่องยนต์เสียก่อน มีสูตรการคำนวณคร่าวๆ คือ ค่า CCA = ขนาดของเครื่องยนต์ (CC) x 0.13

6 ยี่ห้อแบตเตอรี่รถยนต์ที่น่าสนใจ

แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี

มือใหม่หัดทำความรู้จักแบตเตอรี่รถยนต์ครั้งแรกอาจงงงวยกับยี่ห้อมากมายในท้องตลอดและไม่รู้ว่าจะต้องเลือกยี่ห้อไหนมาใช้งาน เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อ เราได้รวบรวม 6 ยี่ห้อแบตเตอรี่รถยนต์ที่น่าสนใจในประเทศไทยมาไว้แล้วที่นี่

1. FB Battery

แบตเตอรี่เอฟบี

ยี่ห้อแบตเตอรี่รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับการรับรองจากโรงงานในประเทศไทยเรียบร้อย โดดเด่นเรื่องความคงทน ใช้งานได้นาน พลังไฟสูง สมกับที่เป็นผู้นำด้านแบตเตอรี่ในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 50 ปี เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่คนไทยนิยมใช้งานและเป็นยี่ห้อที่พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างสม่ำเสมอ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาแบตเตอรี่ไฮบริดจาก FB Battery ก็เป็นที่จับตามอง

2. GS Battery

แบตเตอรี่จีเอส

อีกหนึ่งยี่ห้อแบตเตอรี่รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ตัวแบตเตอรี่คงทน ได้รับความไว้วางใจให้ใช้กับทั้งรถยนต์ญี่ปุ่นและรถยนต์ยุโรป ปัจจุบันมีแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดด้วย แบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ MF, HB และ CV ถือว่าเป็นยี่ห้อที่มีตัวเลือกในการใช้งานเยอะ หาซื้อได้ง่าย

3. Panasonic

แบตเตอรี่พานาโซนิค

พูดถึงเรื่องแบตเตอรี่ก็จะพลาดยี่ห้อ Panasonic ไม่ได้เลยจริงๆ เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีคุณภาพและถูกพัฒนาจากเทคโนโลยีฝั่งญี่ปุ่น โดดเด่นเรื่องการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่สามารถจ่ายได้เต็มกำลัง อีกทั้งยังมีความสเถียรสูง ทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ เหมาะกับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ไม่ต้องดูแลมากมายและที่สำคัญคือหาซื้อง่าย มาในราคาย่อมเยา

4. Bosch

แบตเตอรี่ bosch

ย้ายมาแบตเตอรี่รถยนต์สัญชาติเยอรมันที่ถูกผลิตในประเทศเกาหลีกันบ้าง สำหรับใครที่ใช้รถยนต์อย่างหนักและกำลังมองหาแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งอยู่ ยี่ห้อนี้ก็ตอบโจทย์อย่างยิ่ง โดดเด่นเรื่องความทนทานและความสเถียร กำลังไฟในการสตาร์ทสูง รถใหญ่หรือรถยุโรปนิยมใช้งานเป็นพิเศษ ถูกพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ แม้จะราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ แต่ก็เป็นแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งที่คุ้มค่าคุ้มราคาไม่แพ้ใคร

5. Boliden

แบตเตอรี่ boliden แบตเตอรี่รถยนต์เทคโนโลยีจากประเทศสวีเดนยี่ห้อนี้ก็เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและมีการผลิตในไทยเพื่อรถในประเทศไทยอีกด้วย กว่า 80 ปีที่มีการวิจัยและพัฒนาติดต่อกันมา ทำให้แบตเตอรี่ Boliden มีคุณภาพสูง มีการใช้เทคโนโลยีแบบเขาวงกตทำให้ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่น เหมาะสำหรับผู้ใช้รถยุโรปหรือรถใหญ่เป็นที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

6. Yuasa

แบตเตอรี่ yuasa

หากมองหาแบตเตอรี่รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่น่าสนใจ Yuasa ก็เป็นยี่ห้อที่มองข้ามไม่ได้และกำลังมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้ใช้งานในประเทศไทย ยี่ห้อนี้มีโรงงานภายในประเทศไทยเรียบร้อย ราคาประหยัด คุณภาพเต็มเปี่ยม คงทนในสภาพอากาศประเทศไทย มีทั้งแบบแห้งและแบบน้ำให้เลือกใช้งาน

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับโพยแบตเตอรี่รถยนต์ที่เรารวบรวมมาให้ในครั้งนี้ ได้ทำความรู้จักทั้งแบตเตอรี่ชนิดต่างๆ จนถึงยี่ห้อแบตเตอรี่ยอดนิยมกันเลยทีเดียว เพราะแบตเตอรี่รถยนต์เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มองข้ามไม่ได้ในการดูแลรถยนต์ เพื่อนๆ สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ได้ตามความเหมาะสมกันเลย

หลายคนยังสนใจอ่านข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม

เปลี่ยนแบตเตอรี่กันเรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากเปลี่ยนฟิล์มกรองแสง ติดต่อเราได้ที่ Topfilm Thailand ครับ

โทรติดต่อtopfilm

ติดต่อfacebooktopfilm

line topfilm

หลายคนยังสนใจอ่านบทความน่ารู้เหล่านี้เพิ่มเติม