รอยขนแมว คืออะไร? เกิดจากอะไร? ลบอย่างไรได้บ้าง

รอยขนแมว ปัญหาชวนกวนใจคนรักรถ

เชื่อว่าหลายคนจะต้องเจอกับปัญหา “รอยขนแมว” สิ่งที่ทำให้รถของเรานั้นเป็นรอยเส้นๆ ทั้งๆ ที่พึ่งล้างรถออกมาแท้ๆ แต่ทำไมยังมีรอยพวกนี้อยู่ ยิ่งถ้าเป็นรถที่มีเข้มด้วยแล้วยิ่งเห็นชัดเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรอยขนแมวพวกนี้ ว่ารอยขนแมวคืออะไร เกิดจากอะไรบ้าง พร้อมทั้งวิธีดูแล รักษาและป้องกันรถของเราไม่ให้เกิดรอยขนแมวต่างๆกันครับ

หลายคนยังสนใจ บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

• เคลือบแก้วหรือเคลือบสี อะไรดีกว่ากัน?
• ติดฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ?
• วิธีอย่างรถด้วยตัวเองง่ายๆ ไม่ต้องง้อร้านล้างรถ

ซึ่งรอยขนแมวไม่เพียงแต่เกิดขึ้นบนรถยนต์เท่านั้น รอยเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับกระเป๋า นาฬิกา หรือแม้แต่โทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการดูแลก็จะแตกต่างกันออกไปครับ

รอยขนแมว คืออะไร?

รอยขนแมว คือ รอยที่มีลักษณะเป็นเส้นๆ วงๆ สีขาวที่เกิดบนผิวสีของรถเรานั่นเอง ซึ่งรอยขนแมวเกิดจากการที่มีวัสดุหรือของที่มีความแข็งกว่าชั้นเคลือบสีของรถ ถูกขูดไปบนตัวรถ อาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ต้องใจ ทำให้รอยเป็นเส้นเล็กๆ คล้ายๆขนแมว เราจึงเรียกรอยเหล่านี้ว่ารอยขนแมวนั่นเอง (ไม่ได้เกิดจากรอยข่วนแมวนะครับ)

โดยรอยขนแมวจะเห็นได้ชัดจากรถยนต์ที่มีสีเข้ม เช่น รอยขนแมวบนรถสีดำ สีน้ำเงินเข้ม จะเห็นได้ชัดกว่ารอยขนแมวบนรถสีอ่อน เช่น สีขาว ทำให้สำหรับใครที่ชอบรถสีเข้ม จะต้องดูแลรถให้ดีเป็นพิเศษครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Directasia

รถเป็นรอยขนแมว เกิดจากอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้วรอยขนแมวนั้น จะเกิดจากการที่มีวัสดุแข็งกว่าชั้นเคลือบสีของรถบาดหรือข่วนทำให้เกิดรอยได้ โดยรอยพวกนี้จะเกิดหลังจากที่เราทำความสะอาดรถของเราโดยไม่ระวัง เป็นส่วนใหญ่ หรือหลายๆคนอาจจะไม่รู้วิธีการล้างรถที่ถูกต้อง ทำให้รถเกิดรอยขนแมวขึ้นได้

ดังนั้นแล้วเราเลยจะมาแนะนำ 4 อุปกรณ์ที่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเอามาใช้ล้างรถหรือเช็ดรถเด็ดขาด ซึ่งรอยขนแมวที่เกิดขึ้น มักจะเกิดขึ้นเพราะ 4 สาเหตุ ดังนี้

1. ใช้ฟองน้ำล้างรถ

ฟองน้ำเป็นสิ่งที่ห้ามเอาฟองน้ำมาใช้กับการล้างรถเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซต์ เพราะฟองน้ำเป็นวัสดุที่นิ่มก็จริง แต่ด้วยความที่เนื้อของฟองน้ำไม่เรียบเป็นรูๆ จึงทำให้อาจมีสิ่งตกค้างพวกฝุ่นหรือเศษต่างๆ ที่ยัดอยู่ในรูของตัวฟองน้ำ ทำให้เมื่อนำมาล้างรถหรือเช็ดรถ แล้วเกิดรอยขนแมว นั่นเอง

2. ใช้ผ้าเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้วล้างรถ

โดยหลังจากล้างรถเสร็จแล้ว เราไม่ควรที่จะเอาผ้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง หรือเศษผ้าต่างๆ มาเช็ดรถเด็ดขาด เพราะตัวผ้านั้นจะหยาบและอาจจะพวกป้ายยี่ห้อ ตะเข็บ ที่เป็นตัวทำให้รถเกิดรอย นั่นเอง ดังนั้นแล้วจึงควรที่จะใช้ผ้าเช็ดรถมากกว่า

3. ใช้ไม้ขนไก่ หรือแปรงปัดรถ

ไม้ขนไก่ หรือแปรงปัดรถเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรนำมาใช้เช่นกัน เพราะแปรงพวกนี้จะมีขนที่ค่อนข้างหยาบอีกทั้งตัวไม้ขนไก่ยังเป็นก้าน จึงทำให้อาจเกิดรอยพวกนี้ได้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ควรใช้แปรงที่เป็นขนหยาบ ควรที่จะใช้แปรงขนอ่อนมาปัดหรือทำความสะอาดแทน นั่นเอง

4. การจอดรถที่ไม่ระมัดระวัง

การจอดรถตามที่จอดรถที่เป็นช่องติดกับเสา ต้นไม้ใหญ่ หรือที่ไหนก็ตาม หากไม่ดูหรือสำรวจให้ดีก่อนก็อาจจะมีสิ่งบางอย่างที่เราไม่ทันมอง ตกลงมาใส่รถ ก่อให้เกิดรอยขนแมวต่างๆบนรถของเราได้

ดังนั้นแล้ว เราจึงควรที่จะมีการสำรวจหรือดูให้ดีก่อนจอดรถ และระมัดระวังให้ดี เพราะสิ่งของที่ตกมาอาจจะไม่ใช่ของเล็กๆ แต่อาจจะเป็นของชิ้นใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวรถของเราได้เลย

3 วิธีขจัด รอยขนแมว ให้หายวับในพริบตา

หลังจากที่เราได้รู้สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดรอยต่างๆพวกนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การดูแลรักษารถของเราเมื่อรถเกิดรอยขีดข่วน มีรอยขูดรถ หรือรอยขนแมวต่างๆ พวกนี้ให้หายไป และเหลือแต่รถของเราที่มีสีสันสดสวยเหมือนเดิม ซึ่งวิธีลบรอยขนแมวมีอยู่มากมาย ดังนี้

1. การเลือกอุปกรณ์ในการเช็ดรถให้ถูกต้องและเหมาะสม

โดยการเช็ดรถนั้น ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะไม่ทำให้เกิดรอยคราบขาวของพวกน้ำหรือน้ำยา แต่ทั้งนี้ ก็ควรที่จะมีการเลือกใช้อุปกรณ์เช็ดรถ หรือล้างรถที่เหมาะสม ซึ่งควรจะใช้ผ้าชามัวร์หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ เพราะมีคุณสมบัติในการดูดซับพวกฝุ่นละออง หรือคราบน้ำต่างๆ ได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่นๆ และหากต้องการปัดฝุ่นก็ควรที่จะใช้เป็นแปรงขนอ่อนปัดฝุ่นบางๆ เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้แปรงขนหยาบในการปัดฝุ่น ทุกกรณี

2. การล้างรถอย่างถูกวิธี

สำหรับขั้นตอนการล้างรถนั้น ควรจะล้างพวกฝุ่นหรอคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่บนรถของเราออกให้หมดก่อน และควรล้างไล่จากบนลงล่าง โดยเริ่มที่หลังคาก่อน และควรจะใช้ผ้าสำหรับการล้างรถเท่านั้น และที่สำคัญคือ ไม่ควรออกแรงกดในการล้างมากเกิดไป เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยขนแมวหรือรอยข่วนต่างๆ ได้

อีกทั้งควรมีการแยกฟองน้ำ สำหรับการล้างตัวรถและล้อโดยเฉพาะ เนื่องจากล้อเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะสกปรกและมีเศษหิน ดิน ทรายมากกว่าปกติ ดังนั้นแล้วจึงควรมีการแยกฟองน้ำหรือผ้าสำหรับล้าง 2 สิ่งนี้โดยเฉพาะ เพราะหากใช้ร่วมกันเศษพวกนี้อาจก่อให้เกิดรอยขนแมวบนตัวรถของคุณได้

3. การดูแลรักษาผิวรถยนต์

โดยในขั้นตอนของการดูแลรักษาผิวรถของเรานั้น จะแนะนำอยู่ 2 วิธี ดังนี้

• การเคลือบแว็กซ์หรือการใช้น้ำยาเคลือบสี

การเคลือบสีจะช่วยเพิ่มความหนาของชั้นสีรถยนต์ซึ่งสามารถป้องกันรอยขนแมวได้ในระดับหนึ่ง ข้อดีของการเคลือบสีคือเราสามารถหาน้ำยาเคลือบสีมาเคลือบเองได้ง่ายๆไม่ยุ่งยาก ราคาไม่แพง

แต่ถ้าหากมีรอยขนแมวอยู่บนรถแล้วต้องการลบ คุณสามารถใช้น้ำยาขัดรถ ที่สามารถลบรอยต่างๆได้ หรืออาจจะต้องหาร้านขัดสีรถ ลบรอยขูด ใกล้ๆคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน 

โดยมีวิธีการลบรอยขนแมวโดยการเคลือบสี สามารถทำได้โดย

1. ล้างรถบริเวณที่จะต้องการ ให้สะอาด ไม่มีฝุ่นหรือเศษดินเล็กๆ
2. เทน้ำยาลบรอยลงบนผ้าไมโครไฟเบอร์
3. ใช้ผ้าไม่โครไฟเบอร์ถูวนรอบๆ บริเวณที่เป็นรอยประมาณ 1-2 นาที
4. เมื่อเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง เช็ดซ้ำอีกรอบ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.thairath.co.th/news/auto/tips/2257681

• การเคลือบแก้ว เป็นวิธีที่ดูแลได้ดีที่สุด

เพราะ ก่อนการเคลือบแก้ จะมีการขัดเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อนให้ได้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงทำการเคลือบแก้ว ซึ่งการเคลือบแก้วจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของชั้นสีรถ อีกทั้งยังช่วยให้รถของเรานั้นเงาและวาวอยู่ตลอดนั่นเอง และยังป้องกันคราบพวกน้ำฝน โคลนหรือสิ่งสกปรกที่จะเกาะรถของเราได้เป็นอย่างดีด้วย ในปัจจุบันจะมีการติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ก็สามารถช่วยลดรอยขนแมวได้เช่นกัน เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและทนทาน สามารถแกะออกเปลี่ยนได้

สรุป รอยขนแมวคืออะไร แก้ไขอย่างไร?

รอยขนแมว คือ รอยที่มีลักษณะเป็นเส้นๆ วงๆ สีขาวที่เกิดบนผิวสีบนรถยนต์ของคุณ ส่วนมากเกิดจากการไม่ระมัดระวังในการล้างรถ หรือขับรถโดยไม่ระวัง หากไม่อยากให้รถของเรานั้นเกิดรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนนั้น ก็ต้องมีการเลือกใช้อุปกรณ์ในการล้างให้ถูกต้องและเหมาะสม เพราะรอยพวกนี้มักจะเกิดหลังจากที่มีการล้างรถ นั่นเอง

ดังนั้นแล้ว การจะลดรอยขนแมวนั้น จึงควรที่จะมีการเลือกใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนั้นแล้วก็ควรที่จะมีการดูแลรักษาเพิ่มเติม โดยอาจนำรถไปทำการเคลือกสีหรือเคลือบแก้วบ้างเป็นบางครั้ง เพราะการทำสีเคลือบพวกนี้ก็ช่วยลดปัญหารอยขนแมวได้เช่นกัน และเป็นการแก้ปัญหาที่ดีในระยะยาว

หลายคนยังสนใจ บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

• เคลือบแก้วหรือเคลือบสี อะไรดีกว่ากัน
• ติดฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 
• สอนติดฟิล์มติดกระจกบ้าน ง่ายๆด้วยตนเอง